เอส กันตพงศ์ ป่วยหนักเข้าโรงพยาบาล หยุดหายใจรอบ 2 เตรียมบวชส่งท้ายปี
เป็นอีกหนึ่งพระเอกหนุ่มมากความสามารถ สำหรับ เอส กันตพงศ์ ที่ต้องบอกเลยว่าใจสู้มาก โดยก่อนหน้านี้ หนุ่มเอส เคยเสี่ยงชีวิตมาเเล้ว ล่าสุดได้ป่วยหนักต้องเข้าโรงพยาบาลอีกรอบ ทั้งนี้เจ้าตัวยังเผยอีกว่า “มีอีกเรื่องที่ทุกคนยังไม่ทราบ ผมเข้าโรงพยาบาลรอบที่ 2-3
พอถึงโรงพยาบาลห้องฉุกเฉิน หัวใจหยุดทำงาน หยุดเต้น แต่โชคดีที่ถึงห้องฉุกเฉินพอดี จำไม่ได้ว่าคุณหมอใช้เครื่องอะไร เพื่อให้หัวใจกลับมาทำงานเหมือนไม่ให้เสียชีวิต โดยที่ผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ พอผมตื่นขึ้นมาถามคุณหมอว่า จะเริ่มทำหรือยังครับ คุณหมอบอกว่า
หัวใจหยุดเต้นไปนานแล้ว ผมเลยบอกว่าเพิ่งทราบ ก็เลยทำให้รู้สึกว่า ที่วางแผนอยากจะบวชไว้ ก็เลยตั้งใจว่าจะบวช 28 ธันวาคมนี้ครับ คือความจริงวางแผนเรื่องการบวชไว้ ว่าจะไปบวชที่อินเดีย แล้วผมเข้าโรงพยาบาลก่อนไปบวชอินเดียประมาณวันสองวัน ก็เลยเลื่อนที่อินเดียไป

แล้วพอเลื่อนไปสักพัก ก็มีเหตุเกิดขึ้นอีก ก็เลยรู้สึกว่ารอบนี้ขอให้ไม่เกิดเหตุอะไรดีกว่า ผมตั้งใจอยากจะบวชจริง ๆ ถ้าเทียบความน่ากลัว ก็เท่ากับรอบแรกเลยที่สยามพารากอน ก็คือไม่รู้สึกตัว จำอะไรไม่ได้เลย ก็เหมือนที่ผมเล่าไปตอนต้น คือตอนอยู่โรงพยาบาลไม่ทราบด้วยซ้ำว่า
เขาต้องมาใช้เครื่อง ก็คือหลับไปโดยไม่รู้ตัวเหมือนรอบแรกเลย ความแรงเท่ารอบแรก คือตอนเข้าโรงพยาบาลหัวใจเต้นประมาณเกือบ 200 แล้วก็ไปหยุดเต้นในโรงพยาบาล ซึ่งผมไม่ทราบเลย หยุดเต้นไปนานแค่ไหน ต้องถามคุณแม่ แต่โชคดีอย่างที่ผมบอก ไปหยุดตอนที่อยู่ห้องฉุกเฉินแล้ว
คุณหมอก็รีบเข้ามาทำเลย แต่ตอนที่ทำผมไม่รู้ตัวนะว่าผมเพิ่งถึง คือจำไม่ได้เลย แต่เขาบอกว่ามาอยู่นานแล้ว ความทรงจำรอบนี้อาจจะไม่หายเหมือนรอบที่แล้ว เพราะรอบนี้โชคดีที่เกิดเหตุในห้องฉุกเฉินเลย คือก่อนไปโรงพยาบาลอยู่ที่บ้านกับคุณแม่ เกิดเหตุที่บ้านเลยรีบไปที่โรงพยาบาลเข้าห้องฉุกเฉิน
และไปเกิดเหตุอีกทีที่ห้องฉุกเฉิน ตอนนี้หมอให้น้ำหนัก 2 อย่าง อันนึงก็เคยให้สัมภาษณ์ไปแล้วไม่สามารถพูดได้ อีกอันหนึ่งคุณหมอให้น้ำหนักไปที่กรรมพันธุ์ ซึ่งเป็นข้อมูลใหม่เลย และข้อมูลใหม่อีกอันหนึ่ง ตอนแรกที่ออกข่าวว่าผมหยุดหายใจไป 40 นาที ผมพึ่งไปโรงพยาบาลตำรวจมา คุณหมอบอก

คุณไม่ได้หยุดหายใจไป 40 นาที คุณหยุดไปประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าเกือบ 40 นาที ผมก็ฮะ แล้วคุณหมอก็ให้ดูว่าผมหยุดหายใจไปจริง ๆ 2 ชั่วโมงกว่า งงมาก ๆ เลยเหมือนกัน เรื่องบวชตั้งใจไว้ขั้นต่ำก็ 15 วัน ตามที่คุณแม่เขาเคยขอไว้ คุณแม่เขาอยากให้บวชอย่างน้อย 15 วัน ผมก็เลยบอกว่ายินดีเลย
ถามว่าเป็นการบวชตามความเชื่อไหม ก็เป็นการบวชตามความชอบดีกว่า ผมอยากบวชตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว ถ้าย้อนดูสัมภาษณ์ผมมาก่อน ผมเป็นคนอยากบวชแต่เด็กอยู่แล้ว แต่พอมาตอนนี้คุณแม่เขาเคยขอพรไว้ ขอไว้ 15 วัน ผมก็ยินดีเลย คืองงว่าผมกำลังจะบินไปอินเดีย ผมเข้าโรงพยาบาลเฉยเลย
คือตอนเด็ก ๆ อยากบวชตอนนั้นไม่ได้บวช เพราะแม่บอกว่าให้เรียนก่อน ก็เรียนก่อน พอตอนนี้จะบินไปอินเดีย จ่ายค่าตั๋ว จ่ายทุกอย่างเรียบร้อย ไม่ได้ไป คือครอบครัวผมก็มีความเชื่อเรื่องสิ่งลี้ลับอะไรต่าง ๆ ถ้าสมมุติมีอย่างนั้นจริง ก็มาอนุโมทนาบุญกับผมดีกว่า ให้ผมได้บวชเถอะ
วันบวชผมก็ไม่เลือก วันสึกผมก็ไม่เลือก แล้วผมจะบวชที่วัดธรรมมงคล พระท่านก็บอกว่าแล้วแต่ผมเลยตามที่สะดวก ก็เลยไม่ได้เลือกใด ๆ ทั้งสิ้น ก็เลือกแค่ว่าวันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม ตั้งใจจะบวชที่วัดธรรมมงคล ครอบครัวเขาก็ยินดีด้วย หมายถึงว่าคุณแม่จะได้สบายใจ แต่ทุกคนเวลาเจอผมก็จะถามอย่างเดียวเลยว่า

ฤกษ์สึกเมื่อไหร่ วันไหน ถ้าจะให้คุณแม่สบายใจคุณแม่ขอไว้ว่า 15 วัน อาจจะขอคุณแม่บวกสักหน่อย (หัวเราะ) แต่บวกเท่าไหร่ไม่รู้นะ ผมอาจจะขอบวกเป็นเดือน สุดท้ายคุณแม่อาจจะขอแค่ 2 วัน หรือเปล่าอันนี้ไม่รู้ ยังไงก็เชิญทุกท่านวันเสาร์ที่ 28 ธันวาคมนี้ ที่วัดธรรมมงคล ฤกษ์บวชขั้นต้นก็จะเริ่มสักประมาณ 8-9 โมง ยังไงผมจะอัปเดตให้ทุกคนทราบ”
Categories: NEWS
10 อันดับแบรนด์รถยนต์ที่น่าเชื่อถือที่สุดในไทย มีแบรนด์อะไรบ้าง ?

หัวข้อที่น่าสนใจ
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในปัจจุบันมี แบรนด์รถยนต์ ให้เลือกซื้อและจับจองเป็นเจ้าของมากมาย อาจทำให้หลายคนสับสน และไม่แน่ใจว่าควรจะเลือกซื้อแบรนด์ไหนดี ที่น่าเชื่อถือ แล้วแบบไหนคือ “เชื่อถือได้” ต้องดูจากตรงไหน มิสเตอร์ คุ้มค่า รวมคำตอบประเด็นต่าง ๆ มาให้แล้ว พร้อมกับลิสต์ 10 อันดับแบรนด์รถที่ไว้ใจ/เชื่อถือได้ มาให้คุณได้ทำความรู้จักคร่าว ๆ ถ้าพร้อมแล้วไปลุยกันเลย !
“ความน่าเชื่อถือ” ของ แบรนด์รถยนต์ วัดจากอะไร ?
ถ้าหากพูดถึง “ความน่าเชื่อถือ” หลายคนอาจมองว่าแบรนด์นั้น หรือแบรนด์นี้ มีความน่าเชื่อถือแตกต่างกันออกไป บางแบรนด์ที่ผู้เชี่ยวชาญลิสต์ออกมาอาจไม่ตรงตามความคิดหรือความรู้สึกของคุณ แล้วมันเป็นเพราะอะไรกันล่ะ แล้วจริง ๆ สามารถเชื่อถือได้จริงไหม ?
คำตอบคือ “ชื่อถือได้แน่นอน” เพราะผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้น ได้ทำการ “สำรวจประชากร” ด้วยการทำการทดสอบและใช้ข้อมูลอื่น ๆ เพื่อนำมาประกอบการพิจารณา ว่ารถแบรนด์ไหนน่าเชื่อถือที่สุด
ซึ่งเกณฑ์การให้คะแนนจะรวบรวมส่วนต่าง ๆ เช่น งบประมาณของประเภทรถยนต์ ความสามารถในการข้ามประเทศ มาทำการประเมินความน่าเชื่อถือ ถ้ายังมองภาพไม่ออกเรามาดู “คำจำกัดความ” ของความน่าเชื่อถือของรถยนต์กันเลยดีกว่า
คำจำกัดความ “ความน่าเชื่อถือ” ของรถยนต์
ต้องยอมรับว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย มีการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้ รวมถึงมาตรฐานความปลอดภัยที่เพิ่มสูงขึ้น และรสนิยมที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภค ที่ทำให้รถยนต์นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ยังมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อความรู้สึก และความน่าเชื่อถือของผู้ใช้ (ลูกค้า) ที่ใช้การประเมินคุณภาพรถยนต์แต่ละแบรนด์ แต่ละรุ่น ซึ่งปัจจัยที่ว่า บางส่วน คือ “ประสิทธิภาพและความสะดวกสบายของตัวรถ รวมถึงราคาที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย สวยงาม และสอดคล้องกับมาตรฐานความปลอดภัย”
เช็กลิสต์ 10 อันดับยี่ห้อรถยนต์ ที่น่าเชื่อถือ
หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่กำลังมองหารถยนต์สักคัน ที่พร้อมจะร่วมทางกับคุณไปอีกนานแสนนาน มิสเตอร์ คุ้มค่า ได้ลิสต์ 10 อันดับยี่ห้อรถยนต์ที่น่าเชื่อถือ มาให้คุณนำข้อมูลไปประกอบการตัดสินใจ ดังนี้

- 1. Toyotaแบรนด์รถยนต์แนะนำที่แสนโด่งดัง ที่ไม่ใช่แค่ได้รับความนิยมในไทยเท่านั้น แต่ยังได้รับการยอมรับจากคนทั่วโลก ซึ่งมีจุดเริ่มต้นมาจากอุตสาหกรรมทอผ้า และได้มีการถูกถ่ายโอนและขายสิทธิบัตรให้กับบริษัทในประเทศอังกฤษ จวบจนปี ค.ศ.1933-1935 ก็ถือเป็นช่วงที่แบรนด์ Toyoda ถือกำเนิดขึ้น และรถยนต์รุ่นแรกคือ A1 รถยนต์ขนาดเล็ก และ G1 รถบรรทุกแม้ว่าทั้ง 2 รุ่น จะจัดจำหน่ายในช่วงที่สภาวะทางเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่นค่อนข้างแปรปรวน แต่ยอดขายกลับสวนทางแบบสุดโต่ง สร้างกำไรให้กับบริษัทเป็นจำนวนมาก จนสามารถนำเม็ดเงินเหล่านั้นไปต่อยอดสู่รถยนต์รุ่นอื่น ๆ เป็นลำดับต่อไปจะเห็นได้ว่าก่อนที่ Toyata จะได้รับความนิยมในปัจจุบัน แบรนด์นี้ได้รับความนิยมตั้งแต่ตอนที่ใช้ชื่อแบรนด์ว่า Toyada แต่ในท้าทายที่สุดได้เปลี่ยนมาเป็น Toyota แบรนด์รถยอดนิยมในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นการสื่อถึง Infinity พร้อมเปิดตัวโลโก้ 3 ห่วง โดยวงรีทั้ง 2 วงที่ซ้อนกัน หมายถึงการผลึกร่วมหัวใจ 2 ดวง ได้แก่ หัวใจของผู้ใช้รถและหัวใจของรถโตโยต้า และวงรีใหญ่ที่สื่อถึงการขยายตัว หมายถึงการพัฒนาด้านเทคโนโลยีของรถยนต์ยุคใหม่ ที่จะก้าวหน้าต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
- 2. Isuzuเริ่มแรกถูกก่อตั้งในชื่อ Tokyo Ishikawajima Shipbuilding & Engineering Company ต่อมาได้ร่วมลงทุนกับพันธมิตรบริษัทยานยนต์สัญชาติอังกฤษ Wolseley Motors Limited และผลิตรถยนต์โดยสารคันแรกสำเร็จ ในปี ค.ศ.1922 ใช้ชื่อว่า Wolseley A9 จากความสำเร็จในครั้งนี้ ทำให้บริษัทผลิตรถบรรทุกรุ่นต่าง ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง
- 3. Hondaแบรนด์รถยนต์ที่เริ่มต้นจากการพัฒนาจักรยานยนต์แบบติดเครื่องยนต์ และรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ถูกนำไปลงสนามประลอง F1 ณ ประเทศฝรั่งเศส หลังจากกวาดรางวัลชนะเลิศกลับมาทำให้แบรนด์ตลาดโด่งดัง และกลับมาพร้อมกับการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ อย่าง Handa Civic ในตำนาน มีความโดดเด่นในเรื่องการใช้เทคโนโลยี CVCC ซึ่งช่วยลดมลพิษทางอากาศ และ 4 ปีให้หลังก็ได้เปิดตัวรถยนต์อีกรุ่นในตำนานอย่าง Honda Accord
- 4. Mitsubishiอีกหนึ่งแบรนด์รถยนต์ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ ในไทย โดยเริ่มต้นจากธุรกิจอื่น อย่าง “บริษัทขนส่งสินค้า” จากนั้นได้ผันตัวมาสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ผลิตรถโดยสารครั้งแรก ในปี ค.ศ.1917 ต่อมาในปี ค.ศ.1970 แผนกยานยนต์ได้แยกตัวจากบริษัทแม่ มาโฟกัสที่รถยนต์อย่างเต็มตัว ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของ Mitsubishi ในปัจจุบัน
- 5. MGแบรนด์รถยนต์จากประเทศอังกฤษสายเลือดจีนที่ค่อนข้างใหม่ในตลาดบ้านเรา แต่สร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ และความน่าสนใจให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์รถยนต์ในเมืองไทยเป็นอย่างมากในช่วง 10 ปีรุ่นสร้างชื่อคือ EX120 ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อลงประลองในสนามแข่งโดยเฉพาะ ต่อมาได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการผลิตรุ่น K3 Magnette รุ่นที่สร้างชื่อให้กับ MG อย่างท่วมท้น เพราะสามารถเอาชนะ Ferrari ได้ที่ความเร็ว 105 กิโลเมตร/ชั่วโมง จากนั้นได้มีการผลิตรถยนต์รุ่นต่าง ๆ สู่ตลาด ด้วยรูปลักษณ์ที่ทันสมัย และโครงสร้างเหล็กที่แข็งแรง ทำยอดขายได้มากถึง 1 แสนคัน แม้ตอนนี้หลายคนจะมีภาพจำกับแบรนด์นี้ว่าเป็นรถจีนซะมากกว่า แต่ MG ยังคงสร้างชื่อในเมืองไทยด้วยการเป็นหนึ่งในแบรนด์จากจีนชั้นนำเรื่องรถยนต์ไฟฟ้า กับตัวเลือกหลาย ๆ รุ่นที่เป็นรถ EV
- 6. Fordเปิดตัวรถยนต์คันแรกชื่อว่า Ford Quadricycle ต่อมาได้ผลิตรถยนต์ Ford Model T หรือรถยนต์รุ่นบุกเบิก ออกวางจำหน่ายในราคาเพียง 360 ดอลลาร์ ที่ได้รับการตอบรับดีเกินคาด เนื่องจากเป็นรถยนต์ที่มีรูปลักษณ์สวยงาม แข็งแรง ราคาจับต้องได้ โดยสามารถทำยอดขายได้ถึง 15 ล้านคัน
- 7. Mazdaเปิดตำนานด้วยรถคันแรกอย่างรถสามล้อ ชื่อว่า Green Panel จนได้รับความนิยม ต่อมาได้มีการพัฒนาต่อยอดนวัตกรรมด้วยเครื่องยนต์โรตารี่ นับเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายเดียวของโลก ที่ใช้เครื่องยนต์ประเภทนี้เสริมจากเครื่องยนต์ที่มีอยู่ในตลาดจวบจนปัจจุบัน เริ่มจากรถสปอร์ตรุ่น Cosmo 110S ส่งต่อตำนานสู่ RX-7 และ RX-8ต่อมาในปี ค.ศ.1989 ก็ได้ถือกำเนิดการกลับมาของตำนานรถสปอร์ตโรดสเตอร์ หลังจากที่ไม่มีผู้ผลิตรายใดผลิตรถสปอร์ตโรดสเตอร์ออกมาเลย ทาง Mazda จึงได้ทำการคิดค้นและพัฒนารถสปอร์ตโรดสเตอร์อีกครั้ง จนได้มาเป็น MX-5 ซึ่งนับเป็นรถสปอร์ตโรดสเตอร์ที่ขายดีที่สุดในโลก
- 8. Nissanเริ่มแรกเดิมทีก่อตั้งขึ้นในนามบริษัท Dat Jidosha Seizo และเปลี่ยนชื่อมาเป็น Nissan Motor Co. ในปี ค.ศ.1934 รวมถึงเปิดตัวรถยนต์ครั้งแรกอย่าง Datsun 14 และมีการผลิตรถยนต์ส่วนบุคคล รถบรรทุก หน่วยกำลังสำหรับกองทัพ เช่น เครื่องบิน เครื่องยนต์ให้แก่กองกำลังทหารญี่ปุ่น และกลับมาแข็งแรงอีกครั้งในปี ค.ศ.1947 พร้อมกับมุ่งผลิตรถรุ่น Datsun คิดค้นเทคโนโลยีการผลิตใหม่ ๆ อย่างไม่หยุดหย่อน จนได้มาเป็น Nissan Datsun 240 Z รถสปอร์ตคันแรก ที่สร้างปรากฏการณ์ในด้านยอดขายได้อย่างไม่น่าเชื่อ
- 9. Suzukiเริ่มต้นจากบริษัททอผ้า และได้ขยายขอบเขตการผลิต แตกผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ออกมา จนก่อให้เกิดการผลิตต้นแบบยานยนต์ในปี ค.ศ.1939 แต่ต้องชะงักลง เมื่อเข้าสู่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วหันกลับมาเข้าสู่อุตสาหกรรมเครื่องทอผ้าอย่างเดิม หลังจากสิ้นสุดยุคอุตสาหกรรมฝ่ายในญี่ปุ่นในปี ค.ศ.1951 ทางแบรนด์ได้หันมาผลิตรถจักรยานยนต์และรถยนต์ และได้ถือกำเนิด Suzuki Motor Co., Ltd รวมถึงเปิดตัวรถยนต์รุ่นแรกอย่าง Suzuki Suzulight
- 10. Hinoแม้จะไม่มีรุ่นรถที่เป็นเก๋งส่วนบุคคล แต่คุ้นชื่อกันดีเรื่องรถบรรทุก Hino เปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ.1910 โดยมีรากฐานมาจากอุตสาหกรรมก๊าซ ในนามของ Tokyo Gas and Electric Industry และได้มีการขยายการผลิตมายังชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงมีการผลิตยานยนต์คันแรกในปี ค.ศ.1917 คือรถบรรทุกรุ่น TGE “A-Type จากนั้นได้มีการร่วมมือพับพันธมิตรในปี ค.ศ.1937 เพื่อจัดตั้ง Tokyo Automobile Industry จึงได้มีการเปลี่ยนชื่อมาเป็น Diesel Motor Industry และถือเนิดบริษัทใหม่ในนาม Hino ในปี ค.ศ.1942