คุณแม่เผยเอง ‘ทับทิม อัญรินทร์’ หลังเปิดตัวคบ ‘ไทด์’ เตรียมมีข่าวดีแล้ว?
หลังจากที่ ไทด์ เอกพันธ์ ออกมาเปิดเผยความสัมพันธ์กับ ทับทิม อัญรินทร์ ซึ่งอายุห่างกันถึง 28 ปี จนกลายเป็นกระแสพูดถึงในโลกออนไลน์ ล่าสุด คุณแม่เปิ้ล ธัญยธรณ์ คุณแม่และผู้จัดการส่วนตัวของทับทิม ได้เล่าถึงเรื่องราวความรักครั้งนี้ว่า ครอบครัวรับรู้มาโดยตลอด
คุณแม่เผยว่า ทั้งคู่คบหากันมานานกว่า 2 ปี และความสัมพันธ์นี้อยู่ในสายตาของเธอเสมอ “น้องปรึกษาแม่ทุกอย่างตั้งแต่เริ่มต้น ส่วนพี่ไทด์ก็มาขอคุยกับแม่ตรง ๆ เขาเป็นคนมีวุฒิภาวะ ดูแลน้องได้ดี แม่จึงมั่นใจในตัวเขา”
เมื่อถามถึงอายุที่ห่างกัน คุณแม่มองว่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะทั้งคู่ต่างเป็นผู้ใหญ่ที่มีความคิด และยังเรียนรู้ปรับตัวเข้าหากันอยู่เสมอ และแม้จะมีแผนเรื่องอนาคตร่วมกัน แต่ยังไม่รีบเร่งเรื่องแต่งงานในตอนนี้
Categories: NEWS
อสังหาฯ สร้างนวัตกรรมระดมเงินนักลงทุนชูโมเดล คราวด์ฟันดิง
วันที่ : 26 พฤษภาคม 2565
ที่มา : ผู้จัดการรายวัน 360 องศา
แชร์
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) กล่าวว่า เราเห็นการฟื้นตัวจริงๆ เห็นสัญญาณที่ดีขึ้น ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการไปถึงช่วงเดือน ก.ย.ปี 65 ดีขึ้น ทำให้นักลงทุนอสังหาฯมีการลงทุนมากขึ้น
ORI ปั้นพอร์ตเช่า วางเป้าเป็น Multi Asset
อสังหาริมทรัพย์
ภาคอสังหาริมทรัพย์ปี 65 และต่อเนื่อง กำลังเข้าสู่ Circle ของจังหวะที่เริ่มค่อยๆ ฟื้นตัว หลังจากช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ตลาดอสังหาฯเข้าสู่ภาวะชะลอตัวลง ส่งผลให้ในปี 2564 การออกใบอนุญาต จัดสรรที่ดินมีจำนวน 31,662 หน่วย ลดลงจาก ปี 63 ร้อยละ-33.2 เป็นปีที่การออกใบอนุญาตจัดสรร ต่ำสุดในรอบ 16 ปี นับตั้งแต่ปี 2549 ซึ่งใน ปี 2565 ทางศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ประเมินการออกใบอนุญาตจัดสรรเพิ่มขึ้นร้อยละ 37.9
อย่างไรก็ดี ในเรื่องการลงทุนนั้น ตลาดเริ่มเปิดมากขึ้น เทคโนโลยีพัฒนาไปไกล และเริ่มเห็นการกลับมาของตลาดปล่อยเช่า ในภาวะที่อัตราเงินเฟ้อปรับสูงขึ้น อสังหาริมทรัพย์ ถือเป็น สินทรัพย์ ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น ในทุกๆ ปี และสามารถอยู่เหนือระดับความเสี่ยงของ อัตราเงินเฟ้อและให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการเงินฝาก และมีความผันผวนต่ำกว่าการลงทุนในตลาดหุ้น และ ที่สำคัญ อสังหาฯ ถือเป็น แอสเสท “ที่จะสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว!”
ดีมานด์เริ่มกลับมาแรง หลังเปิดประเทศ
นายพีระพงศ์ จรูญเอก นายกสมาคมอาคารชุดไทย ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาฯกับปัจจัยบวกจากการเปิดประเทศว่า ดีมานด์ (กำลังซื้อ) กลับมาแรงมาก ธุรกิจต่างๆ เริ่มกลับมา Run มีการเปิดเฟสต่อเนื่อง ซึ่งธุรกิจโรงแรมในพอร์ตของ ออริจิ้นไม่ว่าจะอยู่ในโซนทองหล่อ หรือแม้แต่โรงแรม ฮอลิเดย์ อินน์ แอนด์ สวีทส์ ศรีราชา-แหลมฉบัง มีอัตราการเข้าเพิ่มเป็น 60-70% จากช่วงโควิดอยู่ระดับ 30% เราดูแล้วสดใส หรือแม้แต่โครงการเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ “สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก ทองหล่อ” อัตราการเข้าพักเกือบ 90% จากช่วงโควิด 70%
“ผมเห็นเงินจากธุรกิจปล่อยเช่า มีกระแสเงินสด แต่ก็มีช่วงที่แย่ที่สุด เจอโควิดประมาณเดือน มี.ค.-เม.ย. ปี 2563 การปล่อยเช่าอาจจะลดลง ยิลด์บางลงบ้าง แต่ตอนนี้เริ่มดีขึ้น อย่างเช่น แฮมป์ตัน ที่ปล่อยอยู่ประมาณ 5-6 หมื่นบาทต่อห้อง มียอดเข้ามาเยอะ จะเป็นกลุ่ม ชาวญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเราบริหารในรูปแบบเซอร์วิส เรสซิเดนท์ที่เป็นแบรนด์ของคนไทย ที่เป็นการแทรกเข้าไปในช่องว่างระหว่างการเช่าคอนโดมิเนียมกับเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ซึ่งปัจจุบันด้วยความแรงของ แฮมป์ตัน ที่มีความยืดหยุ่นในการบริการทำให้เกิดดีมานด์ขึ้นมา เรามีโครงการแฮมป์ตันอยู่ในซีบีดีประมาณ 3 โครงการ และมีเป็น 10 พร็อพเพอร์ตี้ และหากนับรวมธุรกิจโรงแรมในพอร์ตของออริจิ้น ทำให้เรามีห้องพักไว้บริการ 10,000 ห้อง ซึ่งเราน่าจะอยู่อันดับ ท็อป 3 ในอุตสาหกรรมธุรกิจโรงแรมได้” นายพีระพงศ์ กล่าว
มองโมเดล ‘คราวด์ฟันดิง’ จิ๊กซอว์เชื่อมลงทุน
นายพีระพงศ์ กล่าวถึงเทรนด์การลงทุนโลกยุค ใหม่ 2022 ว่า เดิมช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ตนเคยทำธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ก่อนจัดตั้งบริษัทออริจิ้นฯขึ้นมา ซึ่งผมชอบคอนเซ็ปต์ที่อสังหาฯเพื่อการปล่อยเช่า ชอบกระแสเงินสดจากการปล่อยเช่าอยู่แล้ว
“จากความรู้ที่เดินทางไปดูงานหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่นมีระบบเรื่องการทำอินเวสเมนต์ พร็อพเพอร์ตี้ ที่เป็นเซอร์วิสแพลตฟอร์ม ผู้ประกอบการในญี่ปุ่น ระดมทุนผ่านรูปแบบ คราวด์ฟันดิง (Crowdfunding) คือ โดยที่เจ้าของอพาร์ตเมนต์อาจจะไม่ต้องใช้เงินลงทุนทั้งหมด แต่แบ่งการลงทุนจากผู้อื่น แล้วเป็นเจ้าของ ร่วมกันในอพาร์ตเมนต์ ทำให้ดีเวลลอปเปอร์ในญี่ปุ่นจะมีทางเลือก ตัวเบากว่าของเรา เนื่องจากกฎหมายเกี่ยวกับคราวด์ฟันดิง ยังไม่โอเค ยังไม่ผ่านที่ประเทศไทย สิ่งที่ออริจิ้นฯทำที่โครงการแฮมป์ตัน ทองหล่อ 10 เนื่องจากเรามีพอร์ตโรงแรมจำนวนมาก แต่การที่เราทำเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์และโรงแรมไปตลอดนั้น เราก็จะมีงบ การเงินที่ต้องควบคุมอยู่ ซึ่งอาจทำให้เราตึงๆอยู่”
โดยสิ่งที่เราอยากทำ ในเมื่อเราเชื่อมั่นว่า “การเช่า” เป็น “อมตะ” ไม่เหมือนขายที่เมื่อคนมีที่อยู่อาศัยและคอนโดฯกันหมดแล้ว ตลาดจะเริ่มปรับตัวเหมือนใน ประเทศพัฒนาแล้ว แต่เรื่องเช่า คนรุ่นใหม่ ชอบสินทรัพย์ที่มีความยืดหยุ่นในการพักอาศัยมากขึ้น ดังนั้น “ตลาดเช่า จะเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ในระยะ 20 ปี ข้างหน้า” ประเทศไทยยิ่งพัฒนาไปเรื่อยๆ อสังหาฯประเภทขายจะแพงขึ้น จนมาถึงจุดที่คนอาจจะซื้อที่อยู่อาศัยไม่ได้ “อาจจะเป็นโมเดลเช่าอยู่ตลอดชีวิต” เหมือนในประเทศยุโรป สหรัฐฯ และญี่ปุ่น ประเทศเหล่านี้ จะไม่มีสินค้าประเภทที่อยู่อาศัยที่จะสามารถเข้าไป ซื้อได้
“สิ่งที่เราอยากทำ คือ ทำอสังหาฯประเภทการเช่าให้มีพอร์ตขนาดใหญ่ แต่เราทำคนเดียวไม่ไหว เราจะกระจายการลงทุน รวมกลุ่มนักลงทุนมาช่วยกันทำ ซึ่งเราจะได้ผลตอบแทนจากการบริหารพอร์ตฟอลิโอ มีทั้งห้องพักสำหรับการเช่า ทั้งโรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ เซอร์วิสเรสซิเดนท์เหมือนที่แฮมป์ตัน รวมเป็นหมื่นห้องในพอร์ตฟอลิโอของออริจิ้นฯ ผู้ลงทุนจะถือโฉนดร่วมกัน เรามีองค์ความรู้ มีตลาดอยู่ มีช่องทางการขาย ทำให้สามารถบริหารผลตอบแทนได้ พนักงานจะได้รับค่าบริหารจัดการ”
ทั้งนี้ หากพิจารณาสเกลธุรกิจของออริจิ้นฯแล้ว เรามีธุรกิจในเครือที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละธุรกิจ ทั้งในธุรกิจอสังหาฯ มีบริษัทที่ทำธุรกิจเช่า มีบริษัทลูก ที่บริหารอาคารและให้บริการลูกค้าผู้เช่า ซึ่งโปรแกรมที่เราพัฒนา ลูกค้าซึ่งเป็นผู้เช่า จะสามารถเลือกพักได้ตามที่ต้องการ เนื่องจากออริจิ้นฯมีความหลากหลายในโครงการประเภทให้เช่า และในอนาคต “เราจะมีความเป็น Multi Asset” ได้ “ให้จินตนาการว่า กรุงเทพฯจะมีที่ให้ทำอาคารสูง ในซีบีดี ทองหล่อ หรือ พร้อมพงษ์ พญาไท จะมีกี่แปลง ดีเวลลอปเปอร์จะรวมแปลงยากมาก ขออนุญาต ยากมากขอเรื่องรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ก็ยากมาก สร้างก็ยากมาก ต้นทุนวัสดุก่อสร้าง และเรื่องใหญ่ของประเทศไทย คือ แรงงาน คนไทยไม่อยากทำงานไซต์งานก่อสร้าง แต่เคลื่อนไปทำงานที่โรงงาน เพราะมีเรื่องความสะดวกสบาย เพราะฉะนั้น ต้นทุน ในการก่อสร้างที่เกิดแรงงานจะเป็นปัญหาใหม่ในอนาคตปัจจุบันเราเจอเรื่อง Cost Push ที่มาจากเรื่องสงคราม เกิดจากเงินเฟ้อเกิดจากเรื่องพลังงาน และความ ไม่แน่นอนของประเทศมหาอำนาจใหม่ การจับขั้วของแต่ละประเทศก็กระทบ ต่อต้นทุนวัตถุดิบ ทั้งต้นน้ำ กลาง และปลายน้ำ ทำให้คอนโดฯ โรงแรม หรือ เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ที่ออริจิ้นฯจะขึ้นใหม่ๆ ต้อง Mark up cost ไว้ร้อยละ 15 แล้ว
สิ่งเหล่านี้ เราอาจจะเห็นคอนโดฯบนทองหล่อใน อีก 10 ปีข้างหน้า ตารางละเมตรละ 5 แสนบาทก็ได้ ผมมองว่า เป็นไปได้ ที่ดินและต้นทุนการก่อสร้างปรับขึ้นตลอด ย้อนไป 10 ปีที่แล้ว ราคาคอนโดฯบนทองหล่อประมาณ 1.5-1.8 แสนบาทต่อตารางเมตร (ตร.ม.) วันนี้คุยกันที่ 2.5 แสนบาทต่อ ตร.ม. ดังนั้น ภาพที่เราเห็น พร็อพเพอร์ตี้ที่มีกระแสเงินสด จะเป็นพระเอก ซึ่งจะ ขยับไปที่กองรีทได้”
ลงทุนที่ดินขอบเมืองไม่กี่ร้อยล้าน ผุดโครงการมูลค่าพัน ล.
นายพีระพงศ์ กล่าวถึงปัจจัยที่ผู้ประกอบการ ขยับไปเปิดคอนโดฯขอบๆ เมือง เนื่องจากด้วยราคาที่ดินใจกลางซีบีดีค่อนข้างแพง บางแปลงสูงเป็นพันล้านบาท ทำให้ต้องไปเปิดในทำเลใหม่ รอบเมืองที่ราคาบางแปลงไม่สูงใช้เงินลงทุนหลัก 100-200 ล้านบาท สามารถเปิดโครงการมูลค่า 1,000-2,000 ล้านบาทได้
“สิ่งที่ดีเวลลอปเปอร์ทำ คือ วิกฤตที่เกิดจากโควิด ดีเวลลอปเปอร์ก็เหนื่อยเหมือนกัน ทำอย่างไรที่จะบริหารกระแสเงินสดให้ได้ดี คอนโดฯของออริจิ้นฯใจกลางเมืองค่อนข้างดูดซับได้ดี ตอนช่วงปี 2562 คอนโดฯภายใต้แบรนด์ พาร์ค 24 มูลค่ากว่า 18,000 ล้านบาท สามารถโอนได้ 10,000 ล้านบาท และช่วง 2 ปีกว่าที่ผ่านมา ดูดซับไปได้อีก 5,000 ล้านบาท และยูนิตที่เหลือมูลค่า 3,000 ล้านบาท ก็ปรับมาเป็นแบรนด์ แฮมป์ตัน เพราะเราเชื่อในเรื่องตลาดเช่า ลูกค้าญี่ปุ่นที่อยู่ในซอย 24 เน้นไปทำงานที่โรงงานที่บางนา-ตราด ไปถึงนิคมอมตะ ผิดกับโซนทองหล่อ ญี่ปุ่นที่อยู่แถวนี้ จะทำงานในเมือง ส่วนโซนพญาไท ที่ออริจิ้นฯ มีโครงการมิกซ์ยูส และโรงแรมที่เตรียมให้บริการนั้น ลูกค้าโซนนี้จะเชื่อมต่อกับบริษัท ข้ามชาติ กลุ่มที่เป็นฮ่องกง จีน และไต้หวัน ต้องการอยู่โซนพญาไท รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ที่นิยม เช่นกัน ตลาดรีเซลคอนโดฯในพญาไท ค่อนข้างดี ไม่ว่าจะเป็นโครงการของผู้ประกอบการรายอื่น เช่น แบรนด์ไอดีโอ หรือ M พญาไท ค่าเช่าดี รีเซลได้ส่วนต่างราคามากกว่าร้อยละ 10 ขึ้นไป” นายพีระพงศ์ กล่าว
คอนโดฯในซีบีดีเปิดตัวลดลง กระจุกตัวโซนบางนา
ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาสแรกของปี 2565 ว่า ดัชนีอสังหาฯเริ่มผงกหัวขึ้น เริ่มการฟื้นตัว ทำให้เราคาดการณ์ว่าปี 2565 จะมีการขยายตัวของอสังหาฯตามดัชนีที่เราทำโมเดลขึ้นมาน่าจะประมาณร้อยละ 9.1 และต่อให้เป็น กรณีปรับตัวแย่ลง (Worst Case) จะอยู่ที่ 77 จุด ก็ยังขยายตัวร้อยละ 3.4 หรืออาจปรับตัวดีขึ้นกว่าที่คาดไว้ กรณีเป็น Best Case จะอยู่ที่ 85.4 จุด ขยายตัวได้ถึงร้อยละ 14.7
“เราเห็นการฟื้นตัวจริงๆ เห็นสัญญาณที่ดีขึ้น ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการไปถึงช่วงเดือน ก.ย.ปี 65 ดีขึ้น ทำให้นักลงทุนอสังหาฯมีการลงทุนมากขึ้น ขณะที่ดัชนีราคาห้องชุดกรุงเทพฯ แม้จะลดลงร้อยละ 0.2 และ 2 จังหวัดปริมณฑล (นนทบุรี และสมุทรปราการ) จะลดลงร้อยละ 0.8 แต่ส่วนใหญ่เป็นห้องชุดระดับราคา 2-4 ล้านบาท หรือต่ำกว่า 2 ล้านบาทแต่สิ่งที่เรา พบว่า ราคาห้องชุดในไตรมาสแรกปีนี้ เริ่มขยับขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า”
สำหรับตลาดคอนโดฯเปิดตัวใหม่ในกรุงเทพฯปริมณฑล เดือน ม.ค.65 เปิดตัวถึง 7,204 หน่วย เพิ่มขึ้นกว่าพันเปอร์เซ็นต์ ขณะที่ช่วงเกิดโควิด การเปิดคอนโดฯใหม่จะต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 8,300 หน่วย บ่งชี้ให้เห็นว่า สต๊อกของคอนโดฯเริ่มหมดไป ผู้ประกอบการต้องสร้างโครงการในช่วงที่ตลาดฟื้นตัว ซึ่งมูลค่าการเปิดโครงการต่อเดือนเกือบ 20,000 ล้านบาท
ทำเลที่ไปเปิดคอนโดฯนั้น ในเมือง(ซีบีดี)จะขึ้นโครงการลดลง แต่จะเห็นความเคลื่อนไหวใน 10 อันดับที่มีการเปิดคอนโดฯมากขึ้น อันดับ 1 ได้แก่ โซนบางนา(จำนวนหน่วยมากที่สุด), ห้วยขวาง (มูลค่าสูงสุด), บางพลี บางซื่อ, เมืองปทุมธานี, จตุจักร ,คลองหลวง,ดอนเมือง, สวนหลวง และบางพลัด
“ปีนี้เราเชื่อว่า จะมีคอนโดฯเปิดใหม่ถึง 30,000 หน่วย ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มราคาไม่แพง เราเห็นตลาดคอนโดฯขยายตัวและมูลค่าเปิดตัวกว่า 1 แสนล้านบาท ทั้งนี้ ตลาดคอนโดฯจริงๆ น่าจะเติบโตได้ปีประมาณ ร้อยละ 5-10 ถ้าไม่เจอสถานการณ์โควิด”
เปิดโซนศักยภาพยอดขายห้องชุด
ในด้านของคอนโดฯขายได้ใหม่ คาดว่า ทั้งปีจะ ขายได้ 41,000 หน่วย น่าจะขายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 30-40 มูลค่าประมาณ 165,000 ล้านบาท (Base Case) โดยในไตรมาสแรกปี 65 โซนห้วยขวาง ระดับราคา 3-5 ล้านบาทขายได้มากที่สุด กว่า 1,300 หน่วย เขตบางรัก ห้องชุดราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 179 หน่วย มูลค่าประมาณ 3,790 ล้านบาท รองลงมาเป็นราคา 5-7.5 ล้านบาท จำนวน 104 หน่วย มูลค่า 731 ล้านบาท
โซนเขตวัฒนา ในช่วงสุขุมวิททั้งหมด ราคา 7.5-10 ล้านบาท ขายได้มากที่สุด เขตปทุมวัน ราคา 5-7.5 ล้านบาท ขายได้สูงถึง 124 หน่วย มูลค่ากว่า 800 ล้านบาท และราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป มีมูลค่าการขายกว่า 2,000 ล้านบาท
นักลงทุนจีนมองการเติบโตของราคาเป็นหลัก
ดร.วิชัย กล่าวทิ้งท้ายถึงภาพของกำลังซื้อตลาด ต่างชาติว่า หากมองกลุ่มผู้ซื้อหลัก คือ ชาวจีน จะให้ความสำคัญกับเรื่อง ราคาที่จะเพิ่มขึ้นในระยะยาว ถ้าจะซื้อ ราคาห้องชุดจะขึ้นจริงแค่ไหน ถ้าใช่ ก็พร้อมจะลงทุน รวมถึงตลาดปล่อยเช่า เป็นสิ่งที่นักลงทุนชาวจีนก็มองเรื่องผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ
พีระพงศ์ จรูญเอก
‘ประเทศไทยยิ่งพัฒนาไปเรื่อยๆ อสังหาฯประเภทขายจะแพงขึ้นจนมาถึงจุดที่คนอาจจะซื้อที่อยู่อาศัยไม่ได้ อาจจะเป็นโมเดลเช่าอยู่ตลอดชีวิต’